ใบปัดน้ำฝน จัดเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญและจำเป็นสำหรับรถยนต์ เพราะทำหน้าที่ปัดน้ำ, ปัดเศษใบไม้, แมลง, เศษดินโคลน หรือแม้กระทั่งฝุ่นละอองต่างๆ ที่เกาะอยู่บนกระจกรถของเรา ให้หลุดออกพร้อมทำความสะอาด เพื่อให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดี จึงควรดูแลใบปัดน้ำฝนให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา
ทั่วไปอายุการใช้งาน ของใบปัดน้ำฝน จะอยู่ที่ประมาณ 1 ปี การใช้ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพ จะส่งผลเสียไปถึงกระจกหน้ารถอาจเป็นรอย นอกจากนั้นหากใช้ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพในช่วงที่ฝนตกหนักจะทำให้ทัศนวิศัยในการขับขี่แย่ลง ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ปัจจัยที่ทำให้ใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ก็คือ ความร้อนจากแสงแดดที่ส่องลงมาสะสมอยู่ในกระจก ซึ่งจะทำให้ใบปัดน้ำฝนที่ทำจากยาง กรอบ เสียความยืดหยุ่นและเสื่อมคุณภาพลง อีกสาเหตุหลักเกิดจากการใช้งานเช่น กรณีที่ฝุ่นจับที่ยางปัดน้ำฝนก็จะเกิดความสึกหรอขึ้นได้ เหมือนการเอากระดาษทรายไปขัดกระจกและยางปัดน้ำฝน
วิธีการสังเกต ได้เวลาเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน คือ การทำงานของใบปัดน้ำฝน ปัดสะอาดหรือไม่ ลักษณะของการปัดน้ำฝนไม่สะอาดเนื่องจากการใช้ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพ หรือติดตั้งผิดวิธี คือ เกิดละอองน้ำเป็นสันครึ่งวงกลมหรือแถบเส้น หลังจากที่ปัดกระจกแล้วยังมีละอองน้ำเป็นเส้นสันครึ่งวงกลม หรือเป็นม่านบนกระจกและมัว เกิดจากการใช้ยางปัดที่มีอาการแข็งจนกรอบแตก ทำให้ไม่สามารถปาดน้ำจากหน้า กระจกได้สะอาดไม่สามารถจะรีดเอาน้ำออกจากกระจกได้หมด อีกอาการคือ มีเสียงดังรบกวน ใบปัดจะมีเสียงดังเอี๊ยดๆ และมีอาการกระตุกขณะทำงานซึ่งเกิดจากการเสียดสีระหว่างใบปัดน้ำฝนกับหน้ากระจก
วิธีการดูแลใบปัดน้ำฝน หลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดไม่ได้ การยกก้านใบปัดน้ำฝนขึ้นจะดีหรือไม่ ขอบอกว่าการยกก้านใบปัดน้ำฝนขึ้นค้างไว้ทุกวันๆ บ่อยๆ จะทำให้สปริงที่ก้านใบปัดน้ำฝนมีโอกาสเกิดอาการล้า ผลคือ แรงกดบนกระจกบังลมลดลง อาจทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมการปัดน้ำฝนลดลง ถ้าเลือกได้ควรจอดรถในร่มดีกว่า และหมั่นตรวจเช็คสภาพความพร้อมและทำความสะอาดยางปัดน้ำฝนด้วยตนเองสัปดาห์ละ ครั้ง คือ ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นและใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดบิดหมาด เช็ดรูดไปตามความยาวของยางปัดน้ำฝนในทิศทางเดียว หากพบร่องรอยการฉีกขาดหรือแข็งกรอบ ควรรีบจัดหาเปลี่ยนชุดใหม่ เพราะนอกจากจะปัดไม่สะอาดแล้ว ยังทำให้เกิดเสียงดังและสะดุดขณะปัด หรือทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนกระจกอีกด้วย ครับ